บันทึกการเรียนครั้งที่9
วันพุธที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2560
เด็กที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์
(Children with Behavioral and Emotional Disorders)
• มีความรู้สึกนึกคิดที่ผิดไปจากปกติ• แสดงออกถึงความต้องการทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น
• มีความเชื่อมั่นในตนเองต่ำ
• เด็กที่มีการควบคุมอารมณ์ให้อยู่ในสภาพปกตินาน ๆ ไม่ได้
• เด็กที่ควบคุมพฤติกรรมบางอย่างของตนเองไม่ได้
• ทำให้ไม่สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างเรียบร้อย
ลักษณะของเด็กบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์
• ความวิตกกังวล (Anxiety) ซึ่งทำให้เด็กมีนิสัยขี้กลัว• ภาวะซึมเศร้า (Depression) มีความเศร้าในระดับที่สูงเกินไป
• ปัญหาทางสุขภาพ และขาดแรงกระตุ้นหรือความหวังในชีวิต
การจำแนกเด็กที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์ตามกลุ่มอาการ
ด้านความประพฤติ (Conduct Disorders)
• ทำร้ายผู้อื่น ทำลายสิ่งของ ลักทรัพย์• ฉุนเฉียวง่าย หุนหันพลันแล่น และเกรี้ยวกราด
• กลับกลอก เชื่อถือไม่ได้ ชอบโกหก ชอบโทษผู้อื่น
• เอะอะและหยาบคาย
• หนีเรียน รวมถึงหนีออกจากบ้าน
• ใช้สารเสพติด
• หมกมุ่นในกิจกรรมทางเพศ
ด้านความตั้งใจและสมาธิ (Attention and Concentration)
• จดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งในระยะสั้น (Short attention span) อาจไม่เกิน 20 วินาที• ถูกสิ่งต่างๆ รอบตัวดึงความสนใจได้ตลอดเวลา
• งัวเงีย ไม่แสดงความสนใจใดๆ รวมถึงมีท่าทางเหมือนไม่ฟังสิ่งที่ผู้อื่นพูด
สมาธิสั้น (Attention Deficit)
• มีลักษณะกระวนกระวาย ไม่สามารถนั่งนิ่งๆ ได้ หยุกหยิกไปมา
• พูดคุยตลอดเวลา มักรบกวนหรือเรียกร้องความสนใจจากผู้อื่น
• มีทักษะการจัดการในระดับต่ำ
การถอนตัวหรือล้มเลิก (Withdrawal)
• หลีกเลี่ยงการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น และมักรู้สึกว่าตนเองด้อยกว่าผู้อื่น
• เฉื่อยชา และมีลักษณะคล้ายเหนื่อยตลอดเวลา
• ขาดความมั่นใจ ขี้อาย ขี้กลัว ไม่ค่อยแสดงความรู้สึก
ความผิดปกติในการทำงานของร่างกาย(Function Disorder)
• ความผิดปกติเกี่ยวกับพฤติกรรมการกิน (Eating Disorder)
• การอาเจียนโดยสมัครใจ (Voluntary Regurgitation)
• การปฏิเสธที่จะรับประทาน
• รับประทานสิ่งที่รับประทานไม่ได้
• โรคอ้วน (Obesity)
• ความผิดปกติของการขับถ่ายทั้งอุจจาระและปัสสาวะ (Elimination Disorder)
ภาวะความบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์ระดับรุนแรง
• ขาดเหตุผลในการคิด
• อาการหลงผิด (Delusion)
• อาการประสาทหลอน (Hallucination)
• พฤติกรรมการทำร้ายตัวเอง
สาเหตุ
• ปัจจัยทางชีวภาพ (Biology)
• ปัจจัยทางจิตสังคม (Psychosocial)
ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อเด็ก
• ไม่สามารถเรียนหนังสือได้เช่นเด็กปกติ
• รักษาความสัมพันธ์กับเพื่อนหรือกับครูไม่ได้
• มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เมื่อเทียบกับเด็กในวัยเดียวกัน
• มีความคับข้องใจ มีความเก็บกดอารมณ์
• แสดงอาการทางร่างกาย เช่น ปวดศีรษะ ปวดตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
• มีความหวาดกลัว
เด็กที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรม ซึ่งจัดว่ามีความรุนแรงมาก
• เด็กสมาธิสั้น (Children with Attention Deficit and Hyperactivity Disorders)
• เด็กออทิสติก (Autistic) หรือ ออทิสซึ่ม (Autisum)
เด็กสมาธิสั้น (Children with Attention Deficit Hyperactivity Disorders)
ADHD เป็นภาวะผิดปกติทางจิตเวชมีลักษณะเด่นอยู่ 3 ประการ คือ
• Inattentiveness
• Hyperactivity
• Impulsiveness
Inattentiveness (สมาธิสั้น)
• ทำอะไรได้ไม่นาน วอกแวก ไม่มีสมาธิ
• ไม่สามารถจดจ่อกับงานที่กำลังทำได้นานเพียงพอ
• มักใจลอยหรือเหม่อลอยง่าย
• เด็กเล็กๆจะเล่นอะไรได้ไม่นาน เปลี่ยนของเล่นไปเรื่อยๆ
• เด็กโตมักทำงานไม่เสร็จตามที่สั่ง ทำงานตกหล่น ไม่ครบ ไม่ละเอียด
Hyperactivity (ซนอยู่ไม่นิ่ง)
• ซุกซนไม่ยอมอยู่นิ่ง ซนมาก
• เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
• เหลียวซ้ายแลขวา
• ยุกยิก แกะโน่นเกานี่
• อยู่ไม่สุข ปีนป่าย
• นั่งไม่ติดที่
• ชอบคุยส่งเสียงดังรบกวนคนรอบข้าง
Impulsiveness (หุนหันพลันแล่น)
• ยับยั้งตัวเองไม่ค่อยได้ มักทำอะไรโดยไม่ยั้งคิด วู่วาม
• ขาดความยับยั้งชั่งใจ
• ไม่อดทนต่อการรอคอย หรือกฎระเบียบ
• ไม่อยู่ในกติกา
• ทำอะไรค่อนข้างรุนแรง
• พูดโพล่ง ทะลุกลางปล้อง
• ไม่รอคอยให้คนอื่นพูดจบก่อน ชอบมาสอดแทรกเวลาคนอื่นคุยกัน
สาเหตุ
• ความผิดปกติของสารเคมีบางชนิดในสมอง
เช่น โดปามีน (dopamine) นอร์อิพิเนฟริน (norepinephrine)
• ความผิดปกติในการทำงานของวงจรที่ควบคุมสมาธิ และการตื่นตัว อยู่ที่สมองส่วนหน้า (frontalcortex)
• พันธุกรรม
• สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสมาธิสั้น
• สมาธิสั้น ไม่ได้เกิดจากความผิดของพ่อแม่ที่เลี้ยงดูลูกผิดวิธี ตามใจมากเกินไป หรือปล่อยปละละเลยจนเกินไป และไม่ใช่ความผิดของเด็กที่ไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ แต่ปัญหาอยู่ที่การทำงานของสมองที่ควบคุม
เรื่องสมาธิของเด็ก
อยู่ไม่สุข (Hyperactivity )
ต่างกัน
สมาธิสั้น (Attention Deficit )
• อุจจาระ ปัสสาวะรดเสื้อผ้า หรือที่นอน
• ยังติดขวดนม หรือตุ๊กตา และของใช้ในวัยทารก
• ดูดนิ้ว กัดเล็บ
• หงอยเหงาเศร้าซึม การหนีสังคม
• เรียกร้องความสนใจ
• อารมณ์หวั่นไหวง่ายต่อสิ่งเร้า
• ขี้อิจฉาริษยา ก้าวร้าว
• ฝันกลางวัน
• พูดเพ้อเจ้อ
เด็กพิการซ้อน (Children with Multiple Handicaps)
• เด็กปัญญาอ่อนที่สูญเสียการได้ยิน
• เด็กปัญญาอ่อนที่ตาบอด
• เด็กที่หูหนวกและตาบอด
ความรู้ที่ได้รับ : การทราบถึงความหมาย อาการและเทคนิคการจัดการเรียนการสอนแก่ที่มีความต้องการ
พิเศษ
การนำไปใช้ :นำความรู้ที่ได้เรียนไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนกับเด็กพิเศษ เราจะต้องจัดการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับอาการของเด็กเเต่ละคน สอนให้เด็กเข้าใจและสอนให้เด็กสามารถช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวันได้ เมื่อเด็กมีอาการกำเริบเราสามารถนำความรู้ที่มีมาปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้
เทคนิคการสอน
- เทคการใช้สื่อในการสอน
- เทคนิคการอธิบาย
- เทคนิคการใช้ตัวอย่าง
ประเมินตนเอง : ตั้งใจเรียนในขณะที่อาจารย์สอนและตอบคำถามทุกครั้ง
ประเมินเพื่อน : เพื่อน ๆ ตั้งใจเรียนและไม่คุยกันในเวลาเรียน
ประเมินอาจารย์ : อาจารย์เตรียมการสอนมาดีมาก การเรียนเป็นไปอย่างเป็นลำดับขั้นตอน มีเทคนิคการสอนที่น่าสนใจ สามารถอธิบายและยกตัวอย่างให้นักศึกษาได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น