วันพุธที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2560

บันทึกการเรียนครั้งที่12

บันทึกการเรียนครั้งที่12
วันพุธที่ 22 มีนาคม พ.ศ.2560
การส่งเสริมพัฒนาการและการปรับพฤติกรรมเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
  • เพื่อให้เด็กสามารถช่วยเหลือตนเองได้ในชีวิตประจำวัน
  • ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้ใกล้เคียงกับคนปกติมากที่สุด 
  •  เน้นการดูแลแบบองค์รวม (Holistic Approach)
1. การฟื้นฟูสมรรถภาพทางการศึกษา
     • เพิ่มทักษะพื้นฐานด้านสังคม การสื่อสาร และทักษะทางความคิด
     • เกิดผลดีในระยะยาว
     • เน้นการเตรียมความพร้อมเพื่อให้เด็กสามารถใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆแทนการฝึกแต่เพียงทักษะทางวิชาการ
     • แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล(Individualized Education Program; IEP)
     • โรงเรียนการศึกษาพิเศษเฉพาะทาง โรงเรียนเรียนร่วม ห้องเรียนคู่ขนาน
2. การฟื้นฟูสมรรถภาพทางสังคม
     • การฝึกฝนทักษะในชีวิตประจำวัน  (Activity of Daily Living Training)
     • การฝึกฝนทักษะสังคม (Social Skill Training)
     • การสอนเรื่องราวทางสังคม (Social Story)
3. การบำบัดทางเลือก
     • การสื่อความหมายทดแทน (AAC)
     • ศิลปกรรมบำบัด (Art Therapy)
     • ดนตรีบำบัด (Music Therapy)
     • การฝังเข็ม (Acupuncture)
     • การบำบัดด้วยสัตว์ (Animal Therapy)

การสื่อความหมายทดแทน (Augmentative and Alternative Communication ; AAC)
     • การรับรู้ผ่านการมอง (Visual Strategies)
     • โปรแกรมแลกเปลี่ยนภาพเพื่อการสื่อสาร (Picture Exchange Communication System; PECS)
     • เครื่องโอภา (Communication Devices)
     • โปรแกรมปราศรัย

 Picture Exchange Communication System (PECS)




บทบาทของครู
     • ตำแหน่งการนั่งของเด็กไม่ควรให้นั่งติดหน้าต่างหรือประตู
     • ให้เด็กนั่งแถวหน้าสุดใกล้โต๊ะครู
     • จัดให้เด็กนั่งติดกับนักเรียนที่ไม่ค่อยเล่น ไม่ค่อยคุยในระหว่างเรียน
     • ให้เด็กมีกิจกรรม เปลี่ยนอิริยาบถบ้าง

การส่งเสริมทักษะต่างๆของเด็กพิเศษ
1. ทักษะทางสังคม
     • เด็กพิเศษที่ขาดทักษะทางสังคม ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการพ่อแม่
     • การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ไม่ได้เป็นเครื่องรับประกันว่าเด็กจะมีพัฒนาการต่างๆอย่างมีความสุข
กิจกรรมการเล่น
      • การเล่นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการเรียนรู้ทักษะทางสังคม
      • เด็กจะสนใจกันเองโดยอาศัยการเล่นเป็นสื่อ
      • ในช่วงแรกๆ เด็กจะไม่มองเด็กคนอื่นเป็นเพื่อน  แต่เป็นอะไรบางอย่างที่น่าสำรวจ สัมผัส ผลัก ดึง
ยุทธศาสตร์การสอน
      • เด็กพิเศษหลายๆคนไม่รู้วิธีเล่น  ไม่รู้ว่าจะเล่นอย่างไร
      • ครูเริ่มต้นจากการสังเกตเด็กแต่ละคนอย่างเป็นระบบ
      • จะบอกได้ว่าเด็กมีทักษะการเล่นแบบใดบ้าง
      • ครูจดบันทึก
      • ทำแผน IEP
การกระตุ้นการเลียนแบบและการเอาอย่าง
      • วางแผนกิจกรรมการเล่นไว้หลายๆอย่าง
      • คำนึงถึงเด็กทุกๆคน
      • ให้เด็กเล่นเป็นกลุ่มเล็กๆ 2-4 คน
      • เด็กปกติทำหน้าที่เหมือน “ครู” ให้เด็กพิเศษ
ครูปฏิบัติอย่างไรขณะเด็กเล่น
     • อยู่ใกล้ๆ และเฝ้ามองอย่างสนใจ
     • ยิ้มและพยักหน้าให้ ถ้าเด็กหันมาหาครู
     • ไม่ชมเชยหรือสนใจเด็กมากเกินไป
     • เอาวัสดุอุปกรณ์มาเพิ่ม เพื่อยืดเวลาการเล่น
     • ให้ความคิดเห็นที่เป็นแรงเสริม
การให้แรงเสริมทางสังคมในบริบทที่เด็กเล่น
   • ครูพูดชักชวนให้เด็กร่วมเล่นกับเพื่อน
   • ทำโดย “การพูดนำของครู”
ช่วยเด็กทุกคนให้รู้กฎเกณฑ์
   • ไม่ง่ายสำหรับเด็กพิเศษ
   • การให้โอกาสเด็ก
   • เด็กพิเศษต้องเรียนรู้สิทธิต่างๆเหมือนเพื่อนในห้อง
   • ครูต้องไม่ใช้ความบกพร่องของเด็กพิเศษเป็นเครื่องต่อรอง

2. ทักษะภาษา
การวัดความสามารถทางภาษา
     • เข้าใจสิ่งที่ผู้อื่นพูดไหม
     • ตอบสนองเมื่อมีคนพูดด้วยไหม
     • ถามหาสิ่งต่างๆไหม
     • บอกเล่าเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นไหม
     • ใช้คำศัพท์ของตัวเองกับเด็กคนอื่นไหม
การออกเสียงผิด / พูดไม่ชัด
    • การพูดตกหล่น
    • การใช้เสียงหนึ่งแทนอีกเสียง
    • ติดอ่าง
การปฏิบัติของครูและผู้ใหญ่
    • ไม่สนใจการพูดซ้ำหรือการออกเสียงไม่ชัด
    • ห้ามบอกเด็กว่า  “พูดช้าๆ”   “ตามสบาย”   “คิดก่อนพูด”
    • อย่าขัดจังหวะขณะเด็กพูด
    • อย่าเปลี่ยนการใช้มือข้างที่ถนัดของเด็ก
    • ไม่เปรียบเทียบการพูดของเด็กกับเด็กคนอื่น
    • เด็กที่พูดไม่ชัดอาจเกี่ยวข้องกับการได้ยิน
ทักษะพื้นฐานทางภาษา
    • ทักษะการรับรู้ภาษา
    • การแสดงออกทางภาษา
    • การสื่อความหมายโดยไม่ใช้คำพูด

พฤติกรรมตอบสนองการแสดงออกทางภาษา
พฤติกรรมเริ่มการแสดงออกของเด็ก

ความรับผิดชอบของครูปฐมวัย
      • การรับรู้ภาษามาก่อนการแสดงออกทางภาษา
      • ภาษาที่ไม่ใช่คำพูดมาก่อนภาษาพูด
      • ให้เวลาเด็กได้พูด
      • คอยให้เด็กตอบ (ชี้แนะหากจำเป็น)
      • เป็นผู้ฟังที่ดีและโตต้อบอย่างฉับไว (ครูไม่พูดมากเกินไป)
      • เด็กไม่ได้เรียนรู้ภาษาจากการฟังเพียงอย่างเดียว
      • ให้เด็กทำกิจกรรมกลุ่ม เด็กพิเศษได้มีแบบอย่างจากเพื่อน
      • กระตุ้นให้เด็กบอกความต้องการของตนเอง (ครูไม่คาดการณ์ล่วงหน้า)
      • เน้นวิธีการสื่อความหมายมากกว่าการพูด
      • ใช้คำถามปลายเปิด
      • เด็กพิเศษรับรู้มากเท่าไหร่ ยิ่งพูดได้มากเท่านั้น
      • ร่วมกิจกรรมกับเด็ก
การสอนตามเหตุการณ์(Incidental Teaching)

3. ทักษะการช่วยเหลือตนเอง
เรียนรู้การดำรงชีวิตโดยอิสระให้มากที่สุด
   - การกินอยู่
   - การเข้าห้องน้ำ
   - การแต่งตัว
   - กิจวัตรต่างๆในชีวิตประจำวัน
การสร้างความอิสระ
    • เด็กอยากช่วยเหลือตนเอง
    • อยากทำงานตามความสามารถ
    • เด็กเลียนแบบการช่วยเหลือตนเองจากเพื่อน เด็กที่โตกว่า และผู้ใหญ่
ความสำเร็จเป็นสิ่งสำคัญ
    • การได้ทำด้วยตนเอง
    • เชื่อมั่นในตนเอง
    • เรียนรู้ความรู้สึกที่ดี
หัดให้เด็กทำเอง
    • ไม่ช่วยเหลือเกินความจำเป็น (ใจแข็ง)
    • ผู้ใหญ่มักทำสิ่งต่างๆให้เด็กมากเกินไป
    • ทำให้แม้กระทั่งสิ่งที่เด็กสามารถทำได้เองหากให้เวลาเขาทำ
    •“ หนูทำช้า ”  “ หนูยังทำไม่ได้ ”
จะช่วยเมื่อไหร่
    • เด็กก็มีบางวันที่ไม่อยากทำอะไร , หงุดหงิด , เบื่อ , ไม่ค่อยสบาย
    • หลายครั้งเด็กจะขอความช่วยเหลือในสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปแล้ว
    • เด็กรู้สึกว่ายังมีผู้ใหญ่ที่พึ่งได้ แต่ต้องได้รับความช่วยเหลือเฉพาะสิ่งที่เด็กต้องการ
    • มักช่วยเด็กในช่วงกิจกรรม

ทักษะการช่วยเหลือตนเอง (อายุ 2-3 ปี)

ทักษะการช่วยเหลือตนเอง (อายุ 3-4 ปี)

ทักษะการช่วยเหลือตนเอง (อายุ 4-5 ปี)

ทักษะการช่วยเหลือตนเอง (อายุ 5-6 ปี)

ลำดับขั้นในการช่วยเหลือตนเอง
     • แบ่งทักษะการช่วยเหลือตนเองออกเป็นขั้นย่อยๆ
     • ย่อยงาน
     • เรียงลำดับตามขั้นตอน
การเข้าส้วม
     • เข้าไปในห้องส้วม
     • ดึงกางเกงลงมา
     • ก้าวขึ้นไปนั่งบนส้วม
     • ปัสสาวะหรืออุจจาระ
     • ใช้กระดาษชำระเช็ดก้น
     • ทิ้งกระดาษชำระในตะกร้า
     • กดชักโครกหรือตักน้ำราด
     • ดึงกางเกงขึ้น
     • ล้างมือ
     • เช็ดมือ
     • เดินออกจากห้องส้วม

การวางแผนทีละขั้น
     • แยกกิจกรรมเป็นขั้นย่อยๆให้มากที่สุด


สรุป
     • ครูต้องพยายามให้เด็กทำสิ่งต่างๆด้วยตนเอง
     • ย่อยงานแต่ละอย่างเป็นขั้นๆ
     • ความสำเร็จขั้นเล็กๆนำไปสู่ความสำเร็จทั้งมวล
     • ช่วยให้เด็กมีความมั่นใจในตนเอง
     • เด็กพึ่งตนเองได้ รู้สึกเป็นอิสระ





4.ทักษะพื้นฐานทางการเรียน
เป้าหมาย
     • การช่วยให้เด็กแต่ละคนเรียนรู้ได้
     • มีความรู้สึกดีต่อตนเอง
     • เด็กรู้สึกว่า “ฉันทำได้”
     • พัฒนาความกระตือรือร้น อยากรู้อยากเห็น
     • อยากสำรวจ อยากทดลอง
ช่วงความสนใจ
     • ต้องมีก่อนการเรียนรู้อื่นๆ
     • จดจ่อต่อกิจกรรมในช่วงเวลาหนึ่งได้นานพอสมควร

การเลียนแบบ
การทำตามคำสั่ง คำแนะนำ
     • เด็กได้ยินสิ่งที่ครูพูดชัดหรือไม่
     • เด็กเข้าใจคำศัพท์ที่ครูใช้หรือไม่
     • คำสั่งยุ่งยากซับซ้อนไปหรือไม่
การรับรู้ การเคลื่อนไหว
     • ได้ยิน เห็น สัมผัส ลิ้มรส กลิ่น
     • ตอบสนองอย่างเหมาะสม

  การควบคุมกล้ามเนื้อเล็ก

   • การกรอกน้ำ ตวงน้ำ
   • ต่อบล็อก
   • ศิลปะ
   • มุมบ้าน
   • ช่วยเหลือตนเอง

ตัวอย่างอุปกรณ์สำหรับเด็กพิเศษ
ลูกปัดไม้ขนาดใหญ





ความจำ
   • จากการสนทนา
   • เมื่อเช้าหนูทานอะไร
   • แกงจืดที่เรากินใส่อะไรบ้าง
   • จำตัวละครในนิทาน
   • จำชื่อครู เพื่อน
   • เล่นเกมทายของที่หายไป
การวางแผนการเตรียมพื้นฐานทางวิชาการ
   • จัดกลุ่มเด็ก
รูปต่อที่มีจำนวนชิ้นไม่มาก
   • เริ่มต้นเรียนรู้โดยใช้ช่วงเวลาสั้นๆ
   • ให้งานเด็กแต่ละคนอย่างชัดเจนว่าต้องทำที่ไหน      
   • ติดชื่อเด็กตามที่นั่ง
   • ใช้อุปกรณ์ที่เด็กคุ้นเคย
   • ใช้อุปกรณ์ที่เด็กคุ้นเคย
   • บันทึกว่าเด็กชอบอะไรที่สุด
   • รู้ว่าเมื่อไหร่จะเปลี่ยนงาน
   • มีอุปกรณ์ไว้สับเปลี่ยนใกล้มือ
   • เตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อนเด็กมาถึง
   • พูดในทางที่ดี
   • จัดกิจกรรมให้เด็กได้เคลื่อนไหว
   • ทำบทเรียนให้สนุก

ความรู้ที่ได้รับ : ได้รับความรู้ในเรื่องของการส่งเสริมพัฒนาการและการปรับพฤติกรรมเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ

                    ประเมิน
ตนเอง : ตั้งใจฟังอาจารย์สอน
เพื่อน :   เพื่อนมีความตั้งใจเรียนดี
อาจารย์ : อาจารย์เข้าสอนตรงเวลา เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้แสดงความคิดเห็น มีเทคนิคการสอนที่หลากหลาย สอนเข้าใจง่าย มีกิจกรรมมาให้นักศึกษาทำ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น